วันอังคารที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

Volume ของ Gold Future เริ่มหนาแน่น....เพราะคนเริ่มเข้าใจ และเริ่มโกย Profit

ผมได้จับตาดูการเคลื่อนไหวของราคาทองใน Gold Futures และพบความจริงที่ว่า เมื่อไรที่ราคาทองพุ่งสูงขึ้น จำนวนสัญญาก็เพิ่มมากขึ้นด้วย นั่นแสดงว่า นักลงทุนมองโอกาศในการทำกำไรจากตลาดนี้ได้ถ่องแท้และชัดเจน แต่หากราคาทองเคลื่อนไหวไปในทางตรงกันข้าม คือราคาเดินลง จะมีจำนวนสัญญาน้อยมากเมื่อเทียบกับตอนราคาขาขึ้น นี่คงจะเป็นเพราะว่าการจับคู่สัญญาไม่เกิดหรืออาจะเพราะว่า นักลงทุนมองทิศทางขาลงว่า มีความเสี่ยงสูง ในทางกลับกัน ผมมองว่านักลงทุนควรทำความเข้าใจกับการหาโอกาศที่เกิดขึ้น เนื่องจากราคาทองคำมีการเคลื่อนไหวอย่างมาก ผมมีความเห็นว่าหากราคาทองไม่มีการเคลื่อนไหวหรือมีน้อยๆ เป็นลักษณะของการเคลื่อนไหวแบบ sideways ซึ่งมันหมายความว่าอะไรผมก็ไม่แน่ใจนัก รู้แต่ว่ามันค่อนข้างนิ่ง ทองคำจะหมดเสน่ห์ต่อนักลงทุน ดังนั้นผมขอแนะนำให้นักลงทุนทำการศึกษาหาความรู้จาก ตัวแทนของ บล. ต่างๆหรือจากร้านทองที่มีความรู้เพื่อที่จะเตรียมตัวกับ ประโยชน์ที่จะมากับการลงทุนในตลาด Gold Future

จากนี้ไป ตลาดทองรูปพรรณจะมีแต่หดตัว เพราะว่าค่านิยมของคนรุ่นปัจจุบันได้เปลี่ยนไปจากรุ่นก่อน คนในวัยทำงานจะไม่มองว่าการซื้อทองรูปพรรณเป็นการสะสมเงิน หรือเป็นการออมเพื่ออนาคต แต่เขาจะมองว่าการที่ไปซื้อทองรูปพรรณมาเก็บนั้นจะกลายเป็น Liability เพราะว่าต้องมีการเก็บรักษา และการที่ถือทองรูปพรรณมากๆนั้นไม่มีผลตอบแทนในรูปของดอกเบี้ย คนรุ่นก่อนๆก็จะมีแต่แก่ชราและโรยราไป ทำให้จำนวนของลูกค้าที่จะเข้ามาในร้านทอง เพื่อหาซื้อทองรูปพรรณไปสวมใส่ก็จะค่อยๆลดลง ส่วนลูกค้าที่ซื้อทองคำแท่งไปเก็บ เพื่อหวังว่าในอนาคตจะได้กำไรจากการที่ราคาทองสูงขึ้น ก็จะเบื่อหน่ายกับการที่จะต้องไปเข้าคิวเวลาที่ทองคำราคาลดลง สิ่งที่จะเป็นคำตอบให้ท่านนักลงทุนก็คือ ตลาด Gold Futures การที่ตลาดได้เปิดขึ้นมาก็เพื่อสนองความต้องการ ของคนรุ่นใหม่ในวันนี้และวันข้างหน้า ผมจึงใคร่อยากให้ท่านที่มีวิสัยทัศน์ยาวไกลในการลงทุน มีการสละเวลาอันมีค่าของท่าน เพื่อที่จะได้เข้ามาทำความรู้จักกับ เครื่องมือของความมั่งคั่งตัวใหม่นี้

ผมขออนุญาต อธิบายเพื่อสร้างความเข้าใจเบื้องต้นแก่ท่านที่ได้สละเวลาเข้ามาอ่านในบล็อกนี้

ในตลาด Gold Futures จะมีสินค้าให้เลือกซื้ออยู่ทั้งหมด 6 ตัว โดยแยกประเภทออกเป็น 2 ประเภทแต่มีระยะเวลาของสัญญาเป็น 3 ช่วงเวลา อย่างแรกคือสัญญาที่เรามีฐานะเป็นผู้ซื้อ ( Long Position ) ในที่นี้ หมายถึงว่า เราได้คาดการณ์ไว้ว่า ราคาทองในอนาคตจะมีราคาสูงขึ้น เราจึงส่งคำสั่งว่า เราจะเป็นผู้ซื้อ ส่วนคำสั่งที่เรามีฐานะว่าเป็นผู้ขาย ( Short Position ) นั้นคือเราในฐานะผู้ส่งคำสั่งคาดการณ์ว่า ราคาทองในอนาคตจะลดลง เราจึงส่งคำสั่งว่าเราต้องการที่จะขายทองก่อนในวันนี้
ส่วนระยะเวลาที่สัญญาจะหมดอายุ เราจะใช้ในวันที่สิ้นสุดในเดือนคู่ เช่น สัญญาที่จะหมดอายุในเดือน กุมภาพันธ์ เมษายน มิถุนายน เป็นต้น ท่านสามารถเลือกส่งคำสั่งได้ใน 3 ช่วงเวลานี้ การอธิบายให้พวกนักลงทุนทราบนั้น ผมว่ายากครับเพราะว่าการที่ท่านจะเข้าใจได้ดีที่สุดคือ ท่านต้องเข้ามาลองเล่นดู มีนักลงทุนจำนวนมากที่รับฟังข่าวสารจากสื่อชนิดต่างๆ อาทิ หนังสือพิมพ์ รายการทอร์คโชว์ หรือการสัมมนาของทางตลาด TFEX ผมสังเกตได้ว่าทุกสื่อจะแจ้งเสมอว่ามีความเสี่ยงมากๆ แต่ผมมองกลับกันครับ คือขณะที่เรากำลังเล่นอยู่เราเพียงแต่วางเงินค้ำประกันไว้กับบริษัทโบรกเกอร์เพียงประมาณ 70,000 บาท ซึ่งเงินจำนวนนี้มิใช่เป็นค่าซื้อสัญญา แต่เป็นการวางเงินค้ำประกัน ซึ่งเราสามารถถอนคืนได้ทุกเมื่อถ้าเราไม่มีการเทรดแล้ว และขณะที่เราเทรดหากมีกำไร ทางศูนย์ TCH ซึ่งถูกควบคุมโดยทางการจะทำการจ่ายเงินคืนให้ เข้าบัญชีของท่านที่โบรกเกอร์ที่ทำสัญญากันอยู่ จะเห็นว่าความเสี่ยงเมื่อเทียบกับการเล่นหุ้นนั้น เทียบกันไม่ติด เพราะว่าถ้าท่านซื้อหุ้น ท่านต้องจ่ายค่าหุ้นเต็มจำนวน และท่านจะต้องฝากหุ้นไว้กับศูนย์ฝากหุ้น นั่นหมายความว่า ท่านจะต้องจ่ายเงินเต็มและรับมาแค่ใบรายงานว่าท่านมีหู้นอะไรบ้างและจำนวนเท่าไร

ความเสี่ยงของการเล่นหุ้นนั้นผมเข้าใจว่าดังนี้ หุ้นเป็นส่วนที่มนุษย์สมมุติขึ้นว่าท่านมีส่วนในการเป็นเจ้าของบริษัท หากบริษัทที่ท่านสนใจซื้อหุ้นไว้ มีการประกอบการที่ดี ขายผลิตภัณฑ์ได้มีกำไรมากๆ หมายความว่าเมื่อสิ้นปีท่านควรต้องได้รับเงินปันผลคืนกลับมาอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย แต่ในความเป็นจริงมิได้เป็นเช่นนั้น เพราะว่าการตัดสินใจที่จะแบ่งส่วนกำไรของบริษัทเป็นอำนาจการตัดสินใจของผู้บริหารซึ่งส่วนมากก็คือผู้ถือหุ้นใหญ่ ฝ่ายบริหารจะกันส่วนใหญ่ของกำไรไว้ใช้ในการขยายบริษัทหรือเอาไว้ทดแทนส่วนที่ทำขาดทุนไปในระหว่างปี และจะจัดสรรเพียงส่วนเล็กๆให้ผู้ถือหุ้นรายย่อยอย่างพวกเรา และหากเป็นโชคดีของบางท่านผู้บริหารมิได้มีใจที่เป็นธรรม ทำการยักย้ายถ่ายเททรัพย์สินของบริษัทไปให้ตัวเองและญาติพี่น้อง ทำให้สภาพฐานะทางการเงินง่อนแง่น และหนีไปต่างประเทศ อย่างของกรณีของบมจ.เอสอีซีซี ที่โด่งดัง ราคาหุ้นของท่านก็จะมีค่าเป็นศูนย์ มูลค่าหุ้นที่ท่านต้องจ่ายเต็มจำนวนต้องมีอันเป็นอากาศธาตุไป อย่างนี้เป็นต้น

วันอาทิตย์ที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

หลังจาก 1 อาทิตย์ที่เปิด Gold Future สถานะการณ์เป็นอย่างไร

ผมขอมาวิเคราะห์สถานะการณ์ของตลาดทองในประเทศไทย หลังจากที่ได้มีการเปิดตลาด Gold Future ขึ้น จากการที่ผมได้คลุกคลีมาในสมาคมค้าทอง นานพอสมควร ผมเห็นสิ่งน่าสังเกตบางประการนั่นคือ การกำหนดราคาทองที่สมาคมค้าทองคำ มีหน้าที่กำหนดให้ร้านทองทั่วประเทศต้องยึดถือเป็นหลัก ได้มีการกำหนดให้ราคาทองในประเทศเข้าใกล้กับราคาทองจากตลาดโลก เข้าทุกที นี่อาจจะเป็นด้วยที่นักลงทุนสามารถเข้าไปที่ตลาด TFEX เพื่อที่จะไปส่งคำสั่งซื้อหรือขายได้ แต่เท่าที่สังเกตุมาหนึ่งอาทิตย์ จำนวน Volume ของ Gold Future ยังมีไม่มากนัก อาจจะเป็นเพราะว่าทั้ง 4 Brokers ที่มาจากร้านทองยังไม่ได้รับใบอนุญาตจากทาง ก.ล.ต. ให้ทำการซื้อขาย โดยต้องรอไปเดือนหน้า ทำให้การส่งคำสั่งจึงจำกัดอยู่แต่ใน Brokers ที่เป็นบริษัทหลักทรัพย์จดทะเบียน

เราจะเห็นได้ว่านักลงทุนที่ปัจจุบันทำการส่งคำสั่ง ซื้อขายอยู่ในตลาด TFEX ไม่กล้าที่จะเข้ามาในตัว Gold Future เพราะว่าไม่มีความมั่นใจในการลงทุนนัก และจำนวนของผู้ที่เกี่ยวข้องกับทอง ก็ยังไม่ได้เข้ามาจึงทำให้จำนวนสัญญามีไม่มาก ผมมองว่าเริ่มจากเดือนหน้า หลังจากที่ทั้ง 4 Brokers จากร้านทองเริ่มเข้ามารับคำสั่ง จะทำให้มีการสั่งมากขึ้นครับ

วันเสาร์ที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2552

The Old Market at Sarm Shook, Supanburee



Hello everyone, I am quite sorry that I was too busy travelling around the countryside lately due to the festive season and all my family members were all present. During Christmas, I took my family to visit the very well known market called the Old Market of Sarm Shook. This market is located around 35 Km. north of the city of Supanburee on the way toward to Chainart Province. I have heard about this market for so long but I can't figure out what will it look like. So I will try to bring you along the journey and see how you can enjoy the trip along with me.


Supanburee is a province located on the north to northeast of Bangkok. The city used to be an old capital of Thai people before the Ayuthaya era. The city or province as most of the people called is famous for the small city where the land is rich with gold as the city is translated by words. In the past, many Thais enemies wanted to occupy this piece of land because of the ability to harvest all year long. If you can not quite figure out, please think of the state of Iowa in the America where the middle east millionaires had to come to purchase the soil back to their country. There are so many history in this province but people seemed to forget or not try to remember.

This picture is the shrine of the Luck Muang God. At first, I think that it is the shrine of the Luck Muang( the first mile stone of the city ). But I was wrong, this is the shrine of the God named Luck Muang. They are two pieces of stone with the figure of god sculpted or we can say these are the bask reliefs like the one in Ankor Wat. There is a legend that these two pieces of stone had floated upstream to where this shrine is today. Many people of Supanburee had gathered money to build this shrine so they could come to perform their religious activities. Today, there is a brand new museum called the Museum of the Chinese Descendents. Everybody should take time to visit. It is worth for your time....I can guarantee it.

Besides these two special places, there are many interesting places in Supanburee province. The food is excellent and reasonable price. The local is very friendly and they are eager to show you their town.