วันอังคารที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2551

ฝากด้วย :]

สวัสดีค่ะเพื่อนๆของคุณพ่อไก่ทุกท่าน

ตอนนี้ลูกสาวคนนี้พยายามหาลู่ทาง ฝึกปรือวิชาที่เรียนมาอยู่ค่ะ ที่จริงก็ฝึกมาเป็นเวลาเกือบ 5 เดือนแล้ว แต่ช่วงนี้เกิดอาการฟิตจัดด อยากทำเยอะๆค่ะ ยังไงก็ลองเข้าไปดูผลงานได้นะคะ

รับออกแบบภาพ Perspective สามมิติ ด้วยโปรแกรม 3ds Studio Max

ราคาตั้งแต่ 3,000-5,000 บาท แก้ไขได้ 2 ครั้ง

สนใจติดต่อ (084)003-1118 หรือ (083)546-2808]

หรือทาง www.perspective-helper.blogspot.com

วันเสาร์ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2551

เมื่อวาน ผมได้ไปเล่นกอล์ฟที่สนามกอล์ฟพลูตาหลวง...สัตหีบ



Yesterday, I went with RBSC Golf team to play against the Navy team at Plutaluang Navy Golf Course in Sattaheep. I haven't been there before but many friends of mine warned me about the fairway condition. They told me not to make a deep divot on the fairway because underneath is rock. But that was't true, I found out that the course has a very good condition and there are 4 courses to choose from, North..South East..West. The R.B.S.C. team had received a very warm welcome from the Commander in Chief of the Royal Navy at Sattaheep Navy Base.

This golf team competition has been for 31 years and it is considered one of the oldest of the club.

I'd like to give you a brief picture of this golf course. The course has been well maintained and especially this time of the year that there are plenty of rain, the fairway condition is superb and the green condition is very good. I had seen one of my group mates made a backspin when he hit the ball from the fairway. This was my first time to see a Thai player can do that with my eyes. It was a thrill. One special feature will be the Par-3 hole.

I can say that this hole made most of the R.B.S.C. team lost all of their golf balls. I had lost three balls and made a 10....very embarrassing. It is the green on the water and the landing area is very limited. The drop zone is on the other bank of the green so most of the players lost more balls on this drop zone.


The other feature is the tee off of most of the holes that are elevated above the fairway level. When I said elevated, most of the people can't figure out how much. I will tell you that most of them are about 4 storeys high. So when you tee off, you will be able to see your ball fly off to the fairway below. It really looks professional like in the television set. Anyone who never plays there, I will strongly recommend to take once in your life time to test playing at Plutaluang Golf Course. Anyone who had gone there but not recently, you should consider go there again and see the difference.

วันจันทร์ที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2551

วันนี้ผมได้ไปประชุมร่วมกับ สศค เรื่อง Gold Future



วันนี้ผมได้มีโอกาศไปร่วมสัมมนากับทาง สศค โดยได้มีการนำผู้เชี่ยวชาญที่ได้ทำการวิจัย ในเรื่องตลาด Future ชื่อ ดร. นงนุช ที่ได้ทุนจากทางหน่วยงานราชการ ให้ทำการวิจัยสมัยที่เธอทำวิทยานิพนธ์ ปริญญาเอกที่ มหาวิทยาลัย York ที่ประเทศอังกฤษ และมีดร.รินใจ ไชยสุต จาก TFEX และ นพ.กฤชรัตน์ จากสมาคมค้าทองคำ รายละเอียดที่เข้าร่วมสัมมนานั้น ก็ไม่มีข้อมูลใหม่มากนัก ส่วนมากก็คือข้อมูลเก่าๆที่เคยนำมาเสนอ ผมทราบภายหลังว่าวันนี้ เป็น Public Hearings ซึ่งหน่วยราชการต่างๆต้องทำให้เป็น mandatory practice เพื่อที่จะนำเสนอต่อสภาผู้แทน ในที่ประชุม ส่วนมากจะเป็นข้าราชการสังกัดหน่วยต่างๆ อาทิ สศค ธนาคารแห่งประเทศไทย กลต ฯลฯ ที่มีจากภาคเอกชนก็มีสมาชิกจากสมาคมค้าทองคำ

ในที่ประชุม มีคุณ พรรณี สถาวโรดม ท่านผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง มาเป็นประธาณและท่านได้อยู่จนถึงจบ น่าชื่นชมจริงๆ ที่ท่านเห็นความสำคัญ จากที่ร่วมสัมมนา ผมคงต้องบอกว่า เราคงจะมีการเปิดตลาด ซื้อขายล่วงหน้า ในต้นปีหน้าอย่างแน่นอน ตามที่หน่วยราชการต่างๆบอกวา่าจากที่ทำวิจัยมา ตลาดเงินสดที่มีอยู่ในปัจจุบัน จะไม่ถูกกระทบ แต่ผมขอยืนยันนะครับว่า ตลาดทองคำของเราจะถูกกระทบอย่างแน่นอน แต่ผมได้แต่หวังว่า จะกระทบอย่างสั้นๆ และไม่ทำให้ลูกค้าหมดความมั่นใจในตลาดทองของเราครับ

วันเสาร์ที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2551

Jatujak Park...Weekend market

This weekend I just went to Jatujak Park where I haven't set foot in for over 10 years. The transportation,nowadays, is very convenient for every shoppers and if I may suggest to take the MRT(the subway) or BTS(the sky train). To avoid the fight for the parking spaces which are very limited in number and all the hustlers who are looking at the opportunity to get the money from your car, I strongly recommend to take the public transports.
For the sky train, BTS, it will take you about 8 minutes walk to get into the market on the east side but for MRT, the subway, you can enter right into the heart of the market on the west side. Jatujak nowaday is expanding and it will take you more than one full day to explore. The market is divided into several sections. If you need to visit any particular section, just ask anyone there you will get the answer with a smile. The merchandises are in a large variety. It might be a little warm for the western people but there will be many shop that are equipped with air-conditioner. To prepare yourself, you need to bring along a cloth to wipe your sweat and a bottle of water in case you are thirsty.
The market will be the most busy during the weekend, especially on Saturday and Sunday afternoon. If you are going there more than 2 persons than you need to bring along your cell-phone in case you lose your party. In the center of the park, there is a clock tower which in the past you can spot it anywhere around the park but today, the shades and the canvas roof have shielded this landmark from your eyesight.
Most of the merchandises sold here has the reasonable price but you can negotiate. The merchants in the park are keen to sell their products and if the price you offered is not too offensive, you will get your deals and it might be the best deals in town.
During lunch time, there are many food stalls but the cleanliness may not up to the standard of the western people. If you don't want to risk your health with the diarrhea then you may take a bus and travel to the nearest shopping center called Central Lard Prow where you can find a very clean and better service than the one in the park. About the toilet facility, there are several places scattered around the park. You only need to ask any person who works there.
So I just wish all of you a very good time and enjoy shopping at the park.

วันอาทิตย์ที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2551

ศิลปนิพนธ์ SENIOR THESIS PROJECT

ขณะนี่เวลา..ตีสองกว่า...ไม่อยากจะบอกตัวเองเลยว่าเวลานี้คือเวลาที่คนปกติทั่วไปเค้าหลับ เค้านอนกันจะหมดประเทศแล้ว


อืม อืมมม


ธีซิส ธีซิสส...สู้เว่ยย!!


ตัวหนูตอนนี้วันๆก็ทำนี่แหละค่ะ ธีซิส หายใจเข้าเป็นเธอ หายใจออกเป็นธอ แม้ว่าบางวันหายใจติดขัดมันก็ย๊างจะเป็นเธออีก ธีซิสจ๋า เราใช้เวลาอยู่ด้วยกันจนจะเป็นญาติกันอยู่แล้ว(ขอบอกว่าใช้เวลาอยู่ด้วยมากกว่าอยู่กับพ่อไก่ซะอีก-*-)


ต้องขอขอบคุณคณะสถาปัตยกรรมและการผังเมืองของธรรมศาสตร์ ที่มีหลักสูตรการเรียน 4 ปีจบ ตัวหนูจึงได้มีโอกาสได้ลองรับมือกับ"ธีซิส"คนแรกของบรรดาเพื่อนผองที่เอนท์เข้าพร้อมกันทั้งหลาย(คณะสถาปัตย์ทั่วไปต้องเรียน 5 ปีค่ะ) ธีซิสนี้อาจารย์เค้าเปิดกว้างค่ะ โจทย์คือคุณเลือกมาเลยว่าจะศึกษาอะไร โดยมีคำแนะนำ(ปนขู่)ว่า คุณๆหน่ะต้องกลั่นกรองหัวข้อที่ต้องการจะทำให้ดีๆนะ เพราะพวกคุณจะต้องใช้เวลากับมันทั้งปี..บรื้ออ ประมาณว่าเลือกไม่ถูก ช้ำใจกล้ำกลืนไปจนตาย แถมมีสิทธิ์จะไม่จบเอาด้วย ตัวหนูใช้เวลาเรียบเรียงความชอบของตัวเองเกือบเดือน เขียนรายการหลายๆสิ่งที่ชอบทำ ชอบดู ชอบไป


เขียนรายการออกมาได้เกือบร้อยข้อ สุดท้ายหนูเลือกทำ "สถานีรถไฟหัวลำโพง" หนูชอบสถาปัตยกรรมสมัยร.5-ร.6 หนูชอบสถานที่สาธารณะ หนูชอบ ความเป็นคลาสิกของสถานที่..


...เอาจริงๆนะคะ หนูชอบเพราะตอนเด็กคุณแม่เคยพาไปเชียงใหม่ โดยขึ้นรถไฟตู้นอนไป ความรู้สึกตอน 8 ขวบมันเป็นอะไรที่ลืมไม่ลง สถานที่อะไรใหญ่ชะมัด แถมการได้นอนบนเตียงที่วิ่งอยู่บนรางได้..สุดยอดจริงๆ


ใช่ค่ะ แค่นั้นจริงๆ


ใช่อีกแหละค่ะ เพราะเหตุผลเด็กๆของหนูในวินาทีนั้น มันทำให้หนูนั่งอดหลับ อดนอนมาเป็นเวลา 2 - 3 เดือน ไปสถานที่จริง อ่านหนังสือ หาประวัติ ทำความเข้าใจกับ "คุณหัวลำโพง" ของหนู ตอนนี้ตัวหนูได้รู้จักกับคุณหัวลำโพงก็เกือบสนิทแล้วมั้งคะ อยากพาเอาคุณหัวลำโพงไปทำความรู้จักกับอาจารย์ และก็หวังว่าอาจารย์ทุกท่านจะชอบในตัวคุณหัวลำโพงอย่างที่ตัวหนูชอบบ้างจัง


......สาทู้

วันอาทิตย์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2551

ทองคำคืออะไร.....ทำไมถึงมีคนต้องการ



ทองคำเป็นโลหะชนิดหนึ่ง มีสีเหลืองและมีความแวววาว ทั้งๆที่ทองคำมีจำนวนมาก และเป็นสินแร่ที่มีกระจายไปทั่วโลกในทุกภูมิภาค คุณค่าน่าจะมีความหมายน้อย เมื่อเปรียบกับเกลือที่มีเป็นจำนวนมาก และมีราคาที่ถูก แต่ไม่เป็นเช่นนั้น คำถามที่ว่าทำไมมนุษย์จึงอยากหามาครอบครอง หากท่านติดตามอ่านไปเรื่อยๆท่านจะเข้าใจ
ทองคำ หรือ Aurum ซึ่งมีคำแยกตามมาว่า Aura แปลว่าแสงที่เปล่งประกายออกมา นี่คือคุณสมบัติแรกของทองคำ การที่ทองมีคุณสมบัติพิเศษคือ มีสีเหลืองอร่าม และไม่มีการเปลี่ยนรูป มีความแวววาว ทำให้มนุษย์นิยมนำมาเป็นเครื่องประดับ หรือนำมาเป็นเครื่องใช้ในแวดวงชั้นสูง การบุคคลที่มีสถานะเป็นผู้นำมีความชอบในทองคำ ทำให้มีการประพฤฒิและปฏิบัติตาม จึงเกิดการออกตามหาทองคำ เพื่อที่จะสนองความต้องการของผู้นำ หรือกษัตริย์ ดังเช่นในยุคก่อนคริสต์กาล


ภาพที่นำมาแสดง เป็นเครื่องประดับของคนชั้นสูงในสมัยอียิปต์โบราณ เราจะเห็นว่า บุคคลชั้นสูงมีความต้องการในทองคำอย่างมาก เพื่อที่จะเอาไว้บำเรอความสุขของตัวเอง นอกจากเป็นเครื่องประดับแล้วยังนำมาใช้เป็นเครื่องใช้อาทิ เก้าอี้ ถ้วย จานต่างๆ

หรือนำมาประดับพระศพของกษัตริย์ อย่างที่มีการขุดพบในอียิปต์ และในยุโรป สมัย มาซีโดเนีย ดังภาพที่นำมา

เราจะสรุปได้ว่าทองคำถูกนำมาสู่มนุษย์ด้วยคุณลักษณะทางกายภาพของมัน แต่ในทางที่จะนำมาเป็นประโยชน์แก่การดำรงชีวิตนั้น ทองคำไม่มีค่าใดๆเลย ทองไม่สามารถนำมาประกอบอาหารได้ ไม่สามารถนำมาเป็นเครื่องนุ่งห่มได้ เป็นยารักษาโรคไม่ได้ และสุดท้าย ไม่สามารถนำมาเป็นที่อยู่อาศัย แล้วทำไมมนุษย์จึงมีความคลั่งไคล้ต่อโลหะทองคำนี้นัก ผมจะนำท่านเดินทางข้ามเวลาต่อมาสู่สิ่งที่มนุษย์ได้สมมุติขึ้นมา แล้วทำให้คนบนโลกนี้ ต้องทำสงครามต่อสู้กัน และมุ่งแต่แสวงหาสิ่งที่เรามีความเชื่อว่าเป็นสิ่งวิเศษ ในปี700 BC หรือคือในยุคหลังจากอียิปต์โบราณ ประมาณ 4000ปี ได้มีการคิดค้นการผลิต เหรียญทองคำขึ้นในแถบยุโรปตะวันออกใกล้กับ เอเชียไมเนอร์ เหรียญที่ผลิตออกมานี้ ผู้ผลิตมีความตั้งใจในตอนแรกที่จะใช้เพื่อความสุขของตัวเอง แต่ต่อมาได้ถูกนำมาใช้เป็นตัวกลาง ในการแลกเปลี่ยนซื้อขายสินค้าซึ่งกันและกัน ประวัติของการผลิตเหรียญทองคำนี้ มีเรื่องเล่ากึ่งนิทานผสมเทพนิยายดังผมจะเล่าในต่อไปนี้;
ผู้ที่มาเล่าเรื่องที่น่าสนใจนี้คือนักประวัติศาสตร์ชาวกรีกชื่อดัง Herodotus ที่มีอายุอยู่ในช่วง 500 BC เรื่องมีอยู่ว่าเมื่อราวปี 700 BC มีเมืองหนึ่งชื่อ Lydia อยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเมือง Phrygia กินอาณาเขตอยู่ใกล้กับทะเล Aegean และ Asia Minor เมืองลิเดียนี้มีกษัตริย์ปกครองที่สามารถสืบเชื้อสายย้อนไป 22 ชั่วคนมาจาก เฮอร์คิวลิส กษัตริย์ที่จะกล่าวถึงมีชื่อว่า แคนดอเลส ซึ่งรักภรรยาแสนสวยของเขามาก แต่ด้วยความชอบที่จะโอ้อวดและชอบแสดงให้คนอื่นอิจฉา มีวันหนึ่ง แคนดอเลสได้พาทหารคนสนิท ชื่อ ไกกิส มาแอบดูราชินีของตนเองอาบน้ำ แต่ราชินีสืบทราบถึงเรื่องนี้จึง มีความไม่พอใจ ได้เรียก ไกกิสเข้าเฝ้า และยื่นข้อเสนอว่า การที่มีชายใดเห็นร่างกายของราชินีจะต้องโทษประหาร หรือไม่ก็ต้องแต่งงานกับเธอเสีย แน่นอน ไกกิสต้องเลือกข้อหลังแน่นอน จึงได้กระทำการโค่นราชบัลลังค์ของ แคนดอเลส และปราบดาขึ้นเป็นกษัตริย์ แต่ชาวเมืองเกิดความไม่พอใจ จึงได้มีการหารือไปยังผู้เฒ่าที่รอบรู้ ให้กล่าวคำทำนายถึงอนาคต จากการที่ได้รับของกำนัลมีค่ามากมาย ผู้เฒ่าได้ให้คำทำนายที่เป้นผลดีแต่ได้กล่าวเตือนไว้ว่า จากการที่ ไกกิส ได้สังหาร แคนดอเลส ผลกรรมจะไปเกิดที่กษัตริย์ในราชวงศ์รุ่นที่ 5 จากนั้นมาเมืองลิเดียก็ได้มีความเจริญรุ่งเรืองมาจนถึงยุคที่ 5 ของราชวงศ์ มีกษัตริย์ชื่อ Croesus กษัตริย์องค์นี้ไม่เก่งทางด้านรบเหมือนกับองค์ก่อนๆ แต่พระองค์มีความเชี่ยวขาญทางด้านเศรษฐศาสตร์มาก ท่านได้เล็งเห็นว่าการที่อาณาจักรของท่านจะขยายตัวได้นั้น ท่านต้องมีการสร้างระบบของเงินตราให้เป็นที่ยอมรับ ท่านจึงได้นำเอาระบบเงินเก่าๆที่บรรพบุรุษของท่านมาปรับปรุง ท่านได้เอาบรรดาสิ่งที่ชาวเมืองใช้เป็นตัวกลางเรียกว่า elector ที่เป็นส่วนผสมของเงินและทองคำ มาหลอมและสกัดให้เป็นทองบริสุทธิ์ และมาตีแผ่เป็นเหรียญ โดยจะมีรูปของ สิงห์โต และวัว อยู่บนหน้าเหรียญ และด้านหลังจะมีรอยตีตราอยู่

แต่คำทำนายเรื่องความล่มสลายของอาณาจักร ก็ได้กลับมาหลอกหลอน ครีซัส จึงได้มีการส่งคนออกไปสืบหาผู้รู้ในอาณาจักร โดยให้ทหารที่ออกไปตามหาถามบรรดาผู้รู้ด้วยคำถามเดียวกันว่า ในวันที่มีการนับอย่างแม่นยำว่า กษัตริย์ครีซัสเสวยอะไรอยู่ มีอยู่คนหนึ่งที่ตอบได้ตรงกับที่ครีซัสเสวยคือ เขาตอบว่า ครีซัสจะเสวยซุปที่ทำจาก เต่ากระดองแข็ง และต้มรวมกับเนื้อแกะในหม้อบรอนซ์..จากนั้น ครีซัสได้พยายามติดสินบนให้กับผู้เฒ่าพยากรณ์ โดยมีการส่งของกำนัลเป็นทองคำในรูปแบบต่างๆ ทำให้ผู้เฒ่าพยากรณ์มีความพึงพอใจ ในครีซัส และได้ถามครีซัสว่า อยากให้ทำนายอะไร ในช่วงนั้น อาณาจักรเปอร์เซียกำลังรุ่งเรือง และเป็นเสมือนหอกที่คอยทิ่มแทงอาณาจักรของครีซัส ครีซัสจึงอยากทราบว่าหากทำสงครามกับเปอร์เซีย จะสามารถมีชัยเหนือเปอร์เซียได้ไหม ผลก็คือครีซัสได้คำพยากรณ์ที่พอใจมาก คือผู้เฒ่าทำนายว่าอาณาจักรใหญ่จะล่มสลาย ครีซัสจึงเกณฑ์ผู้คนแล้วยกเข้าทำสงครามกับเปอร์เซีย ผลก็ได้ตรงตามคำทำนายของทั้งสองคำพยากรณ์ คือสมัยที่ ต้นรัชกาลของ ไกกิส มีคำทำนายแล้วว่าในรุ่นที่ 5 จะเสียอาณาจักร ก็เป็นจริงว่า ครีซัสได้พ่ายแพ้แก่เปอร์เซียอย่างราบคาบ และตรงตามคำทำนายของผู้เฒ่าพยากรณ์ ว่าอาณาจักรใหญ่จะล่มสลาย แต่กลับกลายเป็นอาณาจักรของครีซัสเสียเอง


จากนั้นมาอีกกว่า 200 ปี ในปี 280 BC ได้มีกษัตริย์หนุ่มจากเมืองมาซีโดเนีย ชื่อ อเล็กซานเดอร์ ได้มีความสามารถที่จะทำสงครามแผ่ขยายอาณาเขตออกไปไกลถึง อินเดีย และลงไปถึง แอฟริกา ทำให้ต้องมีระบบเงินตราที่ใหญ่พอ เพื่อที่จะทำให้การค้าขายในอาณาจักรไม่ติดขัด แต่เนื่องจากได้ระบบเงินตรามาจากพระบิดา กษัตริย์ฟิลิปที่ 2 ซึ่งได้มีการทำเหรียญทองโดยได้อิทธิพลมาจากยุค กษัตริย์ครีซัส แต่บนเหรียญด้านหน้า จะมีการประทับตรารูปของ ซูส และด้านหลังจะเป็นรูปสิงห์โต และพอมาถึงสมัยของ อเล็กซานเดอร์ ท่านได้เปลี่ยนด้านหน้าจากซูสมาเป็น เฮอร์คิวลิส ซึ่งมีภาพคล้ายกับ อเล็กซานเดอร์

วันพฤหัสบดีที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2551

สิ่งกังวลใจที่มีอยู่ในพ่อแม่ที่คิดจะส่งลูกไปนอก

ผมได้มีโอกาศสนทนากับผู้ปกครองหลายท่าน และได้ทราบถึงความกังวลที่มีอยู่ในใจของท่านเหล่านั้น ผมจึงอยากที่จะให้ข้อมูลที่ถูกต้อง มิใช่สิ่งที่เขาเล่ากันมาหรือเพื่อนไปเห็นมา ในฐานะที่ผมเคยเป็นประธานนักเรียนไทยของมหาวิทยาลัยที่อเมริกา


ข้อแรกที่ พ่อแม่จะกังวลเมื่อคิดจะให้ลูกไปเรียนต่อต่างประเทศ คือความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ยิ่งถ้าลูกเป็นลูกสาวด้วยแล้ว ความซีเรียสจะทวีคูณเป็นหลายๆเท่า ผมอยา่กบอกให้ทราบว่า ในทุกๆที่แม้แต่ในกรุงเทพหรือที่เชียงใหม่ โอกาศที่เด็กจะเกิดเหตุร้ายนั้นมีเท่าๆกัน แต่ที่เราจะต้องใส่ใจคือ ผู้รักษากฏหมายมีความศักดิ์สิทธิ์ และยุติธรรมแค่ไหน ผมขอยืนยันว่า ประเทศอเมริกาหรืออังกฤษ ตำรวจและยามประจำมหาวิทยาลัย ถือเอาความปลอดภัยของเด็ก เป็นเรื่องใหญ่มากๆ โดยที่เขาจะไม่ดูว่าเด็กนั้นเป็นชาติอะไร ผมเคยถูกเรียกตัวในเวลาดึกดื่น เกินเที่ยงคืน จากผู้ดูแลนักเรียนของมหาวิทยาลัย เพื่อที่จะให้ผมจัดการไปรับนักศึกษาไทยท่านหนึ่ง ที่พบกับปัญหาเรื่องการสื่อสารกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในเมือง เนื่องจากคนเอเซียจะมีหน้าตาที่ฝรั่งเขาดูอายุไม่ออก เลยคิดว่าพวกเราเป็นเด็กมัธยม ทั้งๆที่เป็นนักศึกษาปริญญาโท เวลาออกไปเที่ยวกลางคืนต้องจำไว้ว่า เราจะต้องพกพาบัตรประจำตัวที่มีวันเดือนปีเกิดไปเสมอ ผมต้องไปที่พักของคนไทยคนนั้น แล้วไปนำพาสปอร์ตมาแสดงให้เจ้าหน้าที่ดูว่า เขาไม่ได้ทำผิดกฎหมายที่พกพาเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ จะเห็นได้ว่าผู้บังคับกฎหมายของเขามีความเที่ยงธรรมมาก

ข้อที่สอง ความกังวลที่ได้ยินมาว่า การไปเรียนเมืองนอก เป็นของที่เด็กไม่เก่งและไม่สามารถเรียนในมหาวิทยาลัยในประเทศได้ นี่ก็เป็นเรื่องเพ้อเจ้อ โดยมีข้อพิสูจน์ว่า บรรดานักเรียนที่เรียนเก่งและสอบได้รับทุนรัฐบาลไทย เลือกที่จะไปเรียนต่ิอที่ต่างประเทศ แทนที่จะเรียนในประเทศไทย อีกทั้งในอดีต บรรดาลูกท่านหลานเธอ ต้องเดินทางไปเรียนยังต่างประเทศกันทั้งนั้น หากในเมืองไทยการศึกษาดีกว่าต่างประเทศแล้วไซร้ ทำไมต้องข้ามน้ำข้ามทะเลไปเรียน เหตุผลง่ายๆก็คือ ที่โน่นมีระบบที่ดีกว่านั้นเอง การศึกษาในประเทศที่ไม่พัฒนาทั้งๆที่เครื่องไม้เครื่องมือ และอาจารย์ที่เรียนจบกลับมาสอนก็มีอย่างเพรียบพร้อม เนื่องจากว่าในระบบยังมีผู้บริหารที่เป็นเหมือนเต่าล้านปี และมีความเข้าใจว่า ครูเป็นบุคคลที่ควรเคารพบูชา ไม่เหมาะสมที่นักเรียนหรือนักศึกษาจะไปตั้งคำถามท้าทาย หรือตั้งสมมติฐานว่าที่ครูสอนมานั้นผิด ท่านผู้ปกครองที่มีลูกฉลาด คงเคยได้รับฟังจากลูกบ้างว่า เขาเรียนไม่รู้เรื่อง และเขาไม่สามารถที่จะถามครูในห้องได้ เพราะโดนครูด่าว่า ทำไมถึงมีปัญหามากนัก คนอื่นในห้องไม่เห็นมีใครมีปัญหาเลย หรือบางทีก็บอกว่าลูกที่ตั้งคำถาม กำลังไปเบียดเบียนเวลาของนักเรียนคนอื่นอยู่ ให้ถามตอนสอนเสร็จ แต่พอครูสอนเสร็จ กลับไม่ให้โอกาศได้ถาม อย่างนี้ในประเทศเราจึงเกิดโรงเรียนสอนพิเศษขึ้นอย่างมากมาย และประสบความสำเร็จอย่างมากด้วย
ในต่างประเทศโดยเฉพาะอเมริกา โรงเรียนและครูจะให้ความสำคัญกับความคิดของเด็ก เพราะเขามีความเชื่อว่า เด็กทุกคนมีศักยะภาพที่จะเติบโตขึ้นเป็น นักคิด นักเขียน หรือนักวิทยาศาสตร์ ครูจะต้องทำหน้าที่เสมือนโค้ช มิใช่ทำหน้าที่เหมือนแม่พิมพ์ เพราะหากเป็นแม่พิมพ์ ที่ครูทำได้ดีที่สุดก็คือ ทำให้เด็กสำเร็จออกมาได้ดีเท่าครูเท่านั้น เนื่องจากสิ่งที่ออกจากแม่พิมพ์ใดๆก็ตาม ไม่มีทางที่จะดีไปกว่าต้นแบบ หรือแม่พิมพ์นั้นๆ แล้วเด็กของเราจะเจริญขึ้นไปได้อย่างไร ในต่างประเทศ ครูจะให้เด็กๆได้ออกความคิดเห็น โดยไม่อนุญาตให้มีการลอกความคิดกัน แต่ครูเขาจะไม่มีการหัวเราะดูถูกเด็กว่าสิ่งที่เขาคิดมานั้น ดูโง่เง่าหรือดูไม่พัฒนา แต่เด็กจะต้อง defend ความคิดนั้นๆด้วยเหตุผลที่เขาเชื่อมั่น

ข้อที่สาม ความกังวลว่าหากลูกไปเรียนนอกแล้ว เขาจะไปติดนิสัยของคนชาติตะวันตกมา เรื่องนี้มักจะเป็นคำถามที่กวนใจมาก เพราะว่าลูกของท่านจะเป็นหรือไม่นั้น อยู่ที่ท่านเลี้ยงดูสอนสั่งมาแต่เล็กอย่างไร ถ้าท่านมีความรักและครอบครัวที่อบอุ่น ลูกของท่านก็จะไม่น่ามีปัญหา และอย่าลืมว่า ตอนที่เราส่งลูกไปเรียนนั้น เขายังเป็นแค่เด็กชาย เมื่อเขากลับมา ลูกของท่านจะมีคำว่านายนำหน้า ดังนั้นท่านต้องปฏิบัติกับเขาอย่างที่เขาเป็นผู้ใหญ่ มิใช่ไปติดภาพตอนที่ลูกกำลังเดินทางไป แล้วไปปฏิบัติกับเขาอย่างนั้น การที่เราสามารถเลี้ยงลูกให้โตขึ้นมาเป็นผู้ใหญ่ ที่ผมว่าผู้ใหญ่นี้ มิใช่ตัวใหญ่นะ แต่มีความหมายว่ามีความคิดเป็นผู้ใหญ่ และรู้จักว่าตัวเองต้องทำอย่างไร รู้จักคิดเป็น รู้จักค่าของเงินแลัรู้จักหาเงินใช้เอง นี่สิครับคือความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ที่ ผมต้องปรบมือให้ มิใช่ใบปริญญาหรือคำว่าเกียรตินิยมตามต่อท้ายมา สิ่งเหล่านั้นไม่เที่ยงแท้ เท่ากับความคิดที่ลูกจะได้รับมา และการที่ทำตนให้เป็นประโยชน์ของสังคม และต่อครอบครัว การรับผิดชอบต่อตัวเองและผู้ที่มีพระคุณ นี่เป็นสิ่งที่สูงสุดในความคิดของผมครับ อาจจะมีหลายๆท่านที่เคยมีประสบการณ์ที่เมื่อ ลูกกลับจากต่างประเทศแล้ว เวลาพูดอะไรกับเขา จะได้รับการกระทำที่เชื่องช้า คล้ายกับว่าเขาไม่เคารพเหมือนตอนที่ลูกยังเล็กอยู่ จึงไปกล่าวหาว่าเป็นเพราะ ลูกได้เอานิสัยของพวกฝรั่งตะวันตกมา
มีตัวอย่างอยู่หลายๆอันที่ ผมสามารถยกมาเล่าให้ฟัง ทางฝั่งตะวันตก เขาจะมีวัฒนธรรมอยู่อย่างหนึ่งคือ เมื่อลูกอายุครบ 18 ปี พวกเขาจะถึงเวลาที่จะออกไปหาที่อยู่ใหม่ ส่วนหนึ่งจะไปเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัย ซึ่งต้องมีการย้ายออกจากบ้านไปอาศัยในหอพัก หากพวกเด็กไม่เลือกที่จะเรียน พวกเขาก็อยากออกไปทำงานหาเงิน เมื่อมีรายได้ เขาก็จะย้ายออกจากบ้าน เปรียบเสมือนลูกนกที่โตแล้ว ต้องออกไปหาที่ทำรังใหม่ วัฒนธรรมนี้ คนไทยจะไม่รู้สึกคุ้นเคย และคิดเสมอว่า ลูกจะต้องอยู่ในบ้านที่พวกเขาโตขึ้นมา แล้วเวลาพ่อแม่แก่เฒ่า จะได้อาศัียพึ่งพิง แต่ฝั่งเขาจะมีความคิดว่า หากลูกไม่ยอมออกไปอาศัยข้างนอก หรือแยกบ้านออกไป ลูกๆพวกนั้นจะเป็นพวกไม่เอาไหน เป็นพวกลูกแหง่ ไม่โตเป็นผู้ใหญ่ พ่อแม่ของเขาอาจต้องอาศัยบรรดาจิตแพทย์ กันทีเดียว นี่เป็นการยกตัวอย่างที่ท่านผู้ปกครองต้องนำมาพิจารณา หากลูกเรามีพฤติการณ์อย่างนี้ เราก็เพียงแค่พูดให้เขาเข้าใจถึง รายได้และรายจ่ายที่จะต้องเกิดขึ้น หากเขาคิดจะออกไปอยู่ข้างนอก ผมมั่นใจว่าลูกเป็นคนฉลาด และสามารถคิดคำนวนได้ว่า อย่างไหนจะ productive มากกว่ากัน

ข้อที่สี่ และผมว่าบทความมันเริ่มจะยาวเกินไปแล้ว เลยขอเป็นข้อสุดท้ายในตอนนี้ เรื่องยาเสพติด เรื่องนี้เป็นสิ่งที่กังวลใจของท่านผู้ปกครองกันมาก เพราะว่าการที่ลูกอยู่ไกลหูไกลตา ความเป็นห่วงก็มีมากขึ้น จากที่ลูกได้ไปเรียนในโรงเรียน Boarding School ที่ต้องอยู่แบบประจำนั้น โรงเรียนเหล่านี้เขามีชื่อเสียง เพราะว่าเปิดมานานมาก เรื่องของการที่เด็กจากที่ต่างๆ เข้ามาอยู่รวมกันเป็นจำนวนมาก ก็แน่นอนจะต้องมีดีมีไม่ดี แต่มาตรการของที่นั่นเข้มและไม่อ่อนให้ใคร หากมีการจับได้ว่าเด็กมีการใช้ยาเสพติด เอาแค่สูบกัญชา เด็กคนนั้นก็ถูกไล่ออกทันที และยังมีการเชิญผู้ปกครองมาตำหนิ และถูกแบล็กลิสต์อีก ว่าคราวหน้าจะไม่สามารถเอาเด็กคนอื่นมาเข้าเรียนได้ มีอยู่กรณีหนึ่งซึ่งผมคิดว่าเป็นเรื่องเล็กๆคือ เนื่องจากลูกผมเล่นเทนนิส และติดทีมของโรงเรียน แต่เป็นแค่ตัวสำรอง มีตัวจริงที่เล่นได้ดีกว่า และตัวจริงนี้มีอันดับอยู่ใน Junior Ranking ของประเทศสหรัฐ มีอยู่ครั้งหนึ่ง โรงเรียนต้องไปแข่งที่ต่างเมือง ไกลพอควรจากเมืองที่อยู่ พอไปถึงต้องไปรอเพราะว่าฝนตกหนัก เลยต้องย้ายสนามแข่ง พวกเด็กตัวทีม ไม่ค่อยอยากเล่นเพราะว่าจะมีการสอบ และอยากกลับมาทำงานที่อาจารย์สั่งไว้ พอถึงเวลาแข่งขัน ตัวจริงก็ลงแข่งแต่เล่นแบบไม่เต็มใจเล่น แกล้งทำให้ทีมแพ้ จะได้กลับเร็วๆ ทีมเจ้าบ้านที่เป็นคู่แข่งขันโดยอาจารย์ใหญ่ ไม่พอใจกล่าวหาว่าโรงเรียนของลูกไม่มีน้ำใจนักกีฬา และได้โทรฯกลับมาต่อว่าอาจารย์ใหญ่ของโรงเรียนลูก ผลคือนักกีฬาที่ลงแข่งขันในวันนั้นโดนไล่ออกจากโรงเรียนด้วยข้อหา Unsportman Conduct ทำให้นักเทนนิสมือหนึ่งที่กำลังจะจบและได้ทุนไปเรียนที่ Princeton University ต้องหลุดจากทุนการศึกษา ดูครับ ฝรั่งเขาซีัเรียสมากเกี่ยวกับการเป็นคนที่มีคุณภาพของเด็กของเขา ลองนี่เป็นประเทศไทยซิ คงมีคนออกมารับและยกโทษให้นักเทนนิสไปแล้ว ทำให้เด็กที่เป็นนักกีฬาคิดว่า ตัวเองเป็นคนพิเศษ และความรู้สึกนี้จะตามตัวเด็กออกไปเมื่อโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ในสังคม ดังนั้น เด็กที่โตจากต่างประเทศมักจะมีคุณภาพมากกว่าเด็กที่โตในไทย นี่ไม่อาจใช้เป็นข้อสรุปได้นะแต่อาศัยที่ได้พบมาครับ