วันอาทิตย์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2551

ทองคำคืออะไร.....ทำไมถึงมีคนต้องการ



ทองคำเป็นโลหะชนิดหนึ่ง มีสีเหลืองและมีความแวววาว ทั้งๆที่ทองคำมีจำนวนมาก และเป็นสินแร่ที่มีกระจายไปทั่วโลกในทุกภูมิภาค คุณค่าน่าจะมีความหมายน้อย เมื่อเปรียบกับเกลือที่มีเป็นจำนวนมาก และมีราคาที่ถูก แต่ไม่เป็นเช่นนั้น คำถามที่ว่าทำไมมนุษย์จึงอยากหามาครอบครอง หากท่านติดตามอ่านไปเรื่อยๆท่านจะเข้าใจ
ทองคำ หรือ Aurum ซึ่งมีคำแยกตามมาว่า Aura แปลว่าแสงที่เปล่งประกายออกมา นี่คือคุณสมบัติแรกของทองคำ การที่ทองมีคุณสมบัติพิเศษคือ มีสีเหลืองอร่าม และไม่มีการเปลี่ยนรูป มีความแวววาว ทำให้มนุษย์นิยมนำมาเป็นเครื่องประดับ หรือนำมาเป็นเครื่องใช้ในแวดวงชั้นสูง การบุคคลที่มีสถานะเป็นผู้นำมีความชอบในทองคำ ทำให้มีการประพฤฒิและปฏิบัติตาม จึงเกิดการออกตามหาทองคำ เพื่อที่จะสนองความต้องการของผู้นำ หรือกษัตริย์ ดังเช่นในยุคก่อนคริสต์กาล


ภาพที่นำมาแสดง เป็นเครื่องประดับของคนชั้นสูงในสมัยอียิปต์โบราณ เราจะเห็นว่า บุคคลชั้นสูงมีความต้องการในทองคำอย่างมาก เพื่อที่จะเอาไว้บำเรอความสุขของตัวเอง นอกจากเป็นเครื่องประดับแล้วยังนำมาใช้เป็นเครื่องใช้อาทิ เก้าอี้ ถ้วย จานต่างๆ

หรือนำมาประดับพระศพของกษัตริย์ อย่างที่มีการขุดพบในอียิปต์ และในยุโรป สมัย มาซีโดเนีย ดังภาพที่นำมา

เราจะสรุปได้ว่าทองคำถูกนำมาสู่มนุษย์ด้วยคุณลักษณะทางกายภาพของมัน แต่ในทางที่จะนำมาเป็นประโยชน์แก่การดำรงชีวิตนั้น ทองคำไม่มีค่าใดๆเลย ทองไม่สามารถนำมาประกอบอาหารได้ ไม่สามารถนำมาเป็นเครื่องนุ่งห่มได้ เป็นยารักษาโรคไม่ได้ และสุดท้าย ไม่สามารถนำมาเป็นที่อยู่อาศัย แล้วทำไมมนุษย์จึงมีความคลั่งไคล้ต่อโลหะทองคำนี้นัก ผมจะนำท่านเดินทางข้ามเวลาต่อมาสู่สิ่งที่มนุษย์ได้สมมุติขึ้นมา แล้วทำให้คนบนโลกนี้ ต้องทำสงครามต่อสู้กัน และมุ่งแต่แสวงหาสิ่งที่เรามีความเชื่อว่าเป็นสิ่งวิเศษ ในปี700 BC หรือคือในยุคหลังจากอียิปต์โบราณ ประมาณ 4000ปี ได้มีการคิดค้นการผลิต เหรียญทองคำขึ้นในแถบยุโรปตะวันออกใกล้กับ เอเชียไมเนอร์ เหรียญที่ผลิตออกมานี้ ผู้ผลิตมีความตั้งใจในตอนแรกที่จะใช้เพื่อความสุขของตัวเอง แต่ต่อมาได้ถูกนำมาใช้เป็นตัวกลาง ในการแลกเปลี่ยนซื้อขายสินค้าซึ่งกันและกัน ประวัติของการผลิตเหรียญทองคำนี้ มีเรื่องเล่ากึ่งนิทานผสมเทพนิยายดังผมจะเล่าในต่อไปนี้;
ผู้ที่มาเล่าเรื่องที่น่าสนใจนี้คือนักประวัติศาสตร์ชาวกรีกชื่อดัง Herodotus ที่มีอายุอยู่ในช่วง 500 BC เรื่องมีอยู่ว่าเมื่อราวปี 700 BC มีเมืองหนึ่งชื่อ Lydia อยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเมือง Phrygia กินอาณาเขตอยู่ใกล้กับทะเล Aegean และ Asia Minor เมืองลิเดียนี้มีกษัตริย์ปกครองที่สามารถสืบเชื้อสายย้อนไป 22 ชั่วคนมาจาก เฮอร์คิวลิส กษัตริย์ที่จะกล่าวถึงมีชื่อว่า แคนดอเลส ซึ่งรักภรรยาแสนสวยของเขามาก แต่ด้วยความชอบที่จะโอ้อวดและชอบแสดงให้คนอื่นอิจฉา มีวันหนึ่ง แคนดอเลสได้พาทหารคนสนิท ชื่อ ไกกิส มาแอบดูราชินีของตนเองอาบน้ำ แต่ราชินีสืบทราบถึงเรื่องนี้จึง มีความไม่พอใจ ได้เรียก ไกกิสเข้าเฝ้า และยื่นข้อเสนอว่า การที่มีชายใดเห็นร่างกายของราชินีจะต้องโทษประหาร หรือไม่ก็ต้องแต่งงานกับเธอเสีย แน่นอน ไกกิสต้องเลือกข้อหลังแน่นอน จึงได้กระทำการโค่นราชบัลลังค์ของ แคนดอเลส และปราบดาขึ้นเป็นกษัตริย์ แต่ชาวเมืองเกิดความไม่พอใจ จึงได้มีการหารือไปยังผู้เฒ่าที่รอบรู้ ให้กล่าวคำทำนายถึงอนาคต จากการที่ได้รับของกำนัลมีค่ามากมาย ผู้เฒ่าได้ให้คำทำนายที่เป้นผลดีแต่ได้กล่าวเตือนไว้ว่า จากการที่ ไกกิส ได้สังหาร แคนดอเลส ผลกรรมจะไปเกิดที่กษัตริย์ในราชวงศ์รุ่นที่ 5 จากนั้นมาเมืองลิเดียก็ได้มีความเจริญรุ่งเรืองมาจนถึงยุคที่ 5 ของราชวงศ์ มีกษัตริย์ชื่อ Croesus กษัตริย์องค์นี้ไม่เก่งทางด้านรบเหมือนกับองค์ก่อนๆ แต่พระองค์มีความเชี่ยวขาญทางด้านเศรษฐศาสตร์มาก ท่านได้เล็งเห็นว่าการที่อาณาจักรของท่านจะขยายตัวได้นั้น ท่านต้องมีการสร้างระบบของเงินตราให้เป็นที่ยอมรับ ท่านจึงได้นำเอาระบบเงินเก่าๆที่บรรพบุรุษของท่านมาปรับปรุง ท่านได้เอาบรรดาสิ่งที่ชาวเมืองใช้เป็นตัวกลางเรียกว่า elector ที่เป็นส่วนผสมของเงินและทองคำ มาหลอมและสกัดให้เป็นทองบริสุทธิ์ และมาตีแผ่เป็นเหรียญ โดยจะมีรูปของ สิงห์โต และวัว อยู่บนหน้าเหรียญ และด้านหลังจะมีรอยตีตราอยู่

แต่คำทำนายเรื่องความล่มสลายของอาณาจักร ก็ได้กลับมาหลอกหลอน ครีซัส จึงได้มีการส่งคนออกไปสืบหาผู้รู้ในอาณาจักร โดยให้ทหารที่ออกไปตามหาถามบรรดาผู้รู้ด้วยคำถามเดียวกันว่า ในวันที่มีการนับอย่างแม่นยำว่า กษัตริย์ครีซัสเสวยอะไรอยู่ มีอยู่คนหนึ่งที่ตอบได้ตรงกับที่ครีซัสเสวยคือ เขาตอบว่า ครีซัสจะเสวยซุปที่ทำจาก เต่ากระดองแข็ง และต้มรวมกับเนื้อแกะในหม้อบรอนซ์..จากนั้น ครีซัสได้พยายามติดสินบนให้กับผู้เฒ่าพยากรณ์ โดยมีการส่งของกำนัลเป็นทองคำในรูปแบบต่างๆ ทำให้ผู้เฒ่าพยากรณ์มีความพึงพอใจ ในครีซัส และได้ถามครีซัสว่า อยากให้ทำนายอะไร ในช่วงนั้น อาณาจักรเปอร์เซียกำลังรุ่งเรือง และเป็นเสมือนหอกที่คอยทิ่มแทงอาณาจักรของครีซัส ครีซัสจึงอยากทราบว่าหากทำสงครามกับเปอร์เซีย จะสามารถมีชัยเหนือเปอร์เซียได้ไหม ผลก็คือครีซัสได้คำพยากรณ์ที่พอใจมาก คือผู้เฒ่าทำนายว่าอาณาจักรใหญ่จะล่มสลาย ครีซัสจึงเกณฑ์ผู้คนแล้วยกเข้าทำสงครามกับเปอร์เซีย ผลก็ได้ตรงตามคำทำนายของทั้งสองคำพยากรณ์ คือสมัยที่ ต้นรัชกาลของ ไกกิส มีคำทำนายแล้วว่าในรุ่นที่ 5 จะเสียอาณาจักร ก็เป็นจริงว่า ครีซัสได้พ่ายแพ้แก่เปอร์เซียอย่างราบคาบ และตรงตามคำทำนายของผู้เฒ่าพยากรณ์ ว่าอาณาจักรใหญ่จะล่มสลาย แต่กลับกลายเป็นอาณาจักรของครีซัสเสียเอง


จากนั้นมาอีกกว่า 200 ปี ในปี 280 BC ได้มีกษัตริย์หนุ่มจากเมืองมาซีโดเนีย ชื่อ อเล็กซานเดอร์ ได้มีความสามารถที่จะทำสงครามแผ่ขยายอาณาเขตออกไปไกลถึง อินเดีย และลงไปถึง แอฟริกา ทำให้ต้องมีระบบเงินตราที่ใหญ่พอ เพื่อที่จะทำให้การค้าขายในอาณาจักรไม่ติดขัด แต่เนื่องจากได้ระบบเงินตรามาจากพระบิดา กษัตริย์ฟิลิปที่ 2 ซึ่งได้มีการทำเหรียญทองโดยได้อิทธิพลมาจากยุค กษัตริย์ครีซัส แต่บนเหรียญด้านหน้า จะมีการประทับตรารูปของ ซูส และด้านหลังจะเป็นรูปสิงห์โต และพอมาถึงสมัยของ อเล็กซานเดอร์ ท่านได้เปลี่ยนด้านหน้าจากซูสมาเป็น เฮอร์คิวลิส ซึ่งมีภาพคล้ายกับ อเล็กซานเดอร์

ไม่มีความคิดเห็น: