วันอาทิตย์ที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2551

นวัตกรรมวาณิชย์ กับความคิดของเด็กๆบางคน




วันนี้ผมได้ไปร่วมอบรมเกี่ยวกับ นวัตกรรมทางธุรกิจในชื่อของโครงการ
นวัตกรรมวาณิชย์ ที่คณะพาณิชย์ศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย มีสิ่งที่ทำให้ผมต้องเอามาเขียนลงในบล็อก เพราะว่าผมเห็นแนวโน้มในเด็ก ที่จะมาเป็นอนาคตของชาติ จึงเกิดความกังวล และอยากให้พวกเราในฐานะคุณพ่อ คุณแม่ หรือว่าที่ในอนาคต ช่วยกันดูแลและอบรมให้เด็กๆมีความนอบน้อมและถ่อมตน

เรื่องของเรื่องคือ ในห้องที่มีการอบรมจะมีเด็กมัธยม 5 จากโรงเรียนที่มีชื่อเสียงในกรุงเทพ เนื่องจากที่คณะเปิดโอกาส ให้ทุกคนสามารถลงทะเบียนเข้าร่วมได้ เด็กทั้งหมดนี้ ได้แสดงความคิดเห็นร่วมต่างๆ เหนือกว่าผู้ใหญ่ที่เข้าร่วมหลายท่าน แต่ระหว่างที่มีการพักเบรก เด็กเหล่านี้จะถือโอกาสเข้ามาสนทนากับอาจารย์และ พิธีกรต่าง โดยได้ยิงคำถามที่เจาะลึก และค่อนข้างเป็นความรู้ที่เฉพาะของท่านเหล่านั้น ผมได้ดูอยู่ตอนแรกๆก็น่าเอ็นดู แต่หลังๆคำถามได้เปลี่ยนไปในลักษณะที่ค่อนข้างก้าวร้าว หรือเป็นการถามเพื่อฉีกหน้าผู้ใหญ่ท่านนั้นๆ คำถามอาทิ ในเมื่อท่านพิธีกรหรืออาจารย์ เรียนจบที่ต่างประเทศแล้วทำไมกลับมาทำงานในประเทศไทย เป็นผม ผมไม่กลับมาให้โง่หรอก จะอยู่ทำงานที่โน่นให้ได้เงินเยอะๆก่อนแล้วค่อยกลับมา หรือหากเป็นอาจารย์บางท่านที่เป็นเด็กทุนรัฐบาล ได้รับคำถามว่า กลับมาทำไม เป็นผม หนีทุนแล้ว ไปทำงานอยู่ต่างประเทศดีกว่า ได้เงินมากๆแล้วค่อยกลับ ผมไม่ทราบว่าทำไมผู้ปกครองของเด็กเหล่านั้นถึง ไม่ได้อบรมถึงความกตัญญู ต่อแผ่นดินเกิด และมีคำถามที่ผมฟังแล้วสะอึกเลยคือ เป็นผม ..เด็กๆเหล่านั้น.. ผมไม่เอาทุนรัฐบาลไทยไปเรียนหรอก ผมไม่อยากเป็นหนี้รัฐบาล และผมไม่อยากเป็นอาจารย์ เพราะได้เงินน้อย ไม่พอกิน พวกผมอยากทำงานได้เงินเยอะๆ

ความเห็นของผมนะครับ ทำไม่เด็กซึ่งเรียนเก่ง และเป็นกำลังสำคัญในอนาคตของชาติ ถึงมีความคิดแต่เรื่องเงิน หากพวกเราไม่เปลี่ยนความคิดของพวกเขา เมื่อโตขึ้น ประเทศของเราจะมีแต่คนที่เห็นแก่ตัว คิดถึงแต่ตัวเองและคนรอบข้าง บุคคลอื่นๆที่เป็นเพื่อนร่วมชาติจะมีอนาคตอย่างไร หากคนที่เป็นผู้นำเพราะว่าเก่ง มีมันสมองที่จะคิดพัฒนาประเทศ แต่ไม่ใส่ใจในส่วนที่เป็นคนสว่นมากของประเทศ ผมไม่ได้กล่าวหานะครับว่า เงินเป็นสิ่งที่ไม่ดี แต่ว่าการที่เราให้ความสำคัญว่าเงินมีค่ามากกว่าค่าของคนนั้น มันอันตรายต่อความมั่นคงของชาติมาก หากท่านมีลูกที่มีอายูระหว่าง 18-13ขวบ ท่านลองถามเขาดูว่า โตขึ้นอยากเป็นอะไร เมื่อก่อน เราอาจจะได้ยินว่า ผมอยากเป็นตำรวจ อยากเป็นหมอ อยากเป็นพยาบาล แต่มาเดี๋ยวนี้ ร้อยละ 90 จะตอบว่าทำอะไรก็ได้ ขอให้ได้ตังค์มากๆ และรวยเร็วๆ ไม่สำคญว่าโตขึ้นมาแล้วจะเป็นอะไร

ท่านครับขอให้ช่วยสอนสั่งให้เยาวชนของไทย มีความนอบน้อมถ่อมตน รู้จักให้อภัย รู้จักมีมุทิตา คือให้รู้จักชื่นชมต่อความสำเร็จของคนอื่น ไม่ใช่รู้แต่อิจฉาริษยา อยากแต่ให้คนอื่นล้มเหลว จะได้ไม่มีคนมาเป็นคู่แข่ง ประเทศไทยจะได้ก้าวหน้าสู่ความเป็นอารยะประเทศครับ

1 ความคิดเห็น:

Unknown กล่าวว่า...

อ่านแล้วเห็นด้วยทุกประการเลยครับ อยากให้น้องพวกนั้นได้ลองอ่านบ้างจัง