วันพุธที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

คำแนะนำในการเลี้ยงลูกให้ฉลาด(2)

จากคราวที่แล้วที่พูดถึงการเรียนพิเศษที่คุณพ่อคุณแม่มีความรู้สึกว่าหากไม่ส่งลูกให้ไปเรียนจะทำให้ลูกตามเพื่อนๆไม่ทัน ผมขอเตือนความจำของท่านผู้ปกครองทั้งหลายไปเมื่อท่านยังเป็นนักเรียนอยู่ เมื่อตอนนั้นจะมีแต่เด็กที่เรียนไม่ทันเพื่อนถึงจะต้องถูกส่งแกมบังคับให้ไปเรียนพิเศษ แต่ค่านิยมปัจจุบันได้เปลี่ยนไป จะมีแต่เด็กที่เรียนดี พยายามขวนขวายหาความรู้เพิ่มเติม คำแนะนำของผมคือ ให้ท่านผู้ปกครองพยายามหลีกเลี่ยงการที่จะให้เด็กของท่านไปเรียนพิเศษในตอนเย็นหรือในวันหยุด นอกเสียจากท่านจะมีแผนการที่จะไปสอบแข่งขัน การเรียนภายในโรงเรียนของลูกท่านน่าจะเพียงพอกับความสามารถในการเรียนของลูกท่านอยู่แล้ว เพราะว่าหากโรงเรียนไม่สามารถสอนลูกท่านให้ดีได้ ท่านคงจะไม่เลือกที่จะส่งลูกไปเรียนที่นั่นแน่ๆ การทีเด็กต้องเรียนอยู่ตลอดเวลา จะทำให้เด็กขาดทางด้าน EQ( emotional quotient) การปฏิบัติตัวในสังคมจะขาดไป ในชีวิตของเขาจะถูกสอนให้มีแต่การทำข้อสอบ แต่ความสามารถที่จะทำงานร่วมกับผู้อื่นนั้นขาดหายไป ในเมื่อคนทุกคนต้องเติบโตขึ้นไปเพื่อที่จะต้องไปทำงานกับคนอื่น เด็กของท่านจะไม่ประสบความสำเร็จในชีวิตของเขาครับ

เมื่อมาพูดถึงการที่ลูกของเราเรียนเก่ง สามารถทำคะแนนได้ดี พ่อแม่จะมีแต่ความภูมิใจ แต่นั่นหมายความว่าท่านจะต้องให้ความรู้เกี่ยวการดำรงตนอยู่ในสังคมด้วยนะครับ การสอนวิชาสังคมศึกษาในโรงเรียนปัจจุบันนี้ ไม่ได้สอนให้เด็กไทยรู้เรื่องสังคมเลยสักนิดเดียว ทำไมเด็กไทยถึงมีปัญหาเรื่องความรัก การปฏิบัติตัวในสังคม และ การวางตัวในสังคม เพราะสิ่งเหล่านี้ไม่ได้มีการสอนในโรงเรียน ที่โรงเรียนจะจัดหลักสูตรการสอนวิชาสังคมแค่ให้เด็กๆเรียนรู้เกี่ยวกับการเมืองการปกครอง แม่เคยอธิบายถึงความที่มีเกียรติหรือความถูกต้อง ความซื่อสัตย์ในหน้าที่การงาน ผมอยากให้ท่านทั้งหลายลองถามเด็กไทยคนไหนก็ได้ครับว่าโตขึ้นอยากเป็นอะไร ร้อยละ 95 จะตอบว่าทำอะไรก็ได้ที่มีเงินเยอะๆ เมื่อมีเงินแล้วก็จะมีคนมาเคารพและมีชื่อเสียง ผมว่าหากเราปล่อยให้เยาวชนคนรุ่นใหม่มีความคิดอย่างนี้ ประเทศเราจะกลายสภาพเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อน เพราะว่าหากเรามีเงิน เราก็สามารถทำสิ่งที่ผิดกฎหมายได้ จริงหรือไม่ ท่านก็ถามใจตัวเองดู เพราะว่าผมเคยเจอเหตุการณ์หนึ่ง ขณะที่ผมขับรถอยู่และติดอยู่ในการจราจรที่หนักหนาสาหัส ปรากฎมีขบวนรถของท่านผู้ใหญ่ในรัฐบาล วิ่งสวนทางมาในฝั่งตรงข้าม และวิ่งฝ่าไฟแดงโดยที่ตำรวจจราจรก็ยืนอยู่ตรงนั้น ตำรวจท่านแทนที่จะโบกมือห้ามกลับทำความเคารพอย่างหน้าตาเฉย ลูกถามผมว่าทำไมเราทำอย่างขบวนนั้นบ้างไม่ได้ ผมไม่สามารถตอบลูกได้ ลูกผมเลยบอกว่าเมื่อโตขึ้นเขาจะต้องมีขบวนรถอย่างนั้นบ้าง เพราะว่าเบื่อที่จะต้องติดอยู่ในรถติด

ประเทศเราไม่สามรถที่จะอบรมเด็กของเราให้โตขึ้นมาอย่างมีคุณภาพ เพราะผู้ใหญ่ในสังคมไทยได้ทำตัวอย่างที่ไม่ดีให้อนาคตของชาติได้เห็น

เอาละมาต่อเรื่องการสอนกัน ทุกเช้าที่ท่านผู้ปกครองต้องส่งลูกไปโรงเรียน เวลาในรถนั้นมีค่ามาก ท่านสามารถทบทวนบทเรียน หรือให้มีการท่องศัพท์ภาษาอังกฤษ อย่าให้ลูกขึ้นรถมาแล้วนอนนะครับ เราต้องหาทางกระตุ้นสมองของลูกให้พร้อมที่จะเข้าเรียนในวันนั้น หากเป็นไปได้ ให้หากระดานมาหรือสมุดฉีกใหญ่ๆมาเล่มหนึ่ง คอยถามลูกเสมอว่าเมื่อวานเรียนอะไรใหม่ๆมาบ้าง ลูกจะรู้สึกว่าเขาไม่ใช่คนเดียวที่เรียนหนังสืออยู่ แต่มีพ่อและแม่มาเรียนด้วย

ไม่มีความคิดเห็น: