วันพุธที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

คำแนะนำในการเลี้ยงลูกให้เก่งและฉลาด

ผมอยากเขียนเกี่ยวกับการเลี้ยงลูกมานานแล้ว แต่ยังไม่มีโอกาศที่จะเผยแพร่ ผมอยากถือเอา Blog นี้เป็นการเขียนบทความเลย อย่างน้อยก็เป็นประโยชน์กับคุณพ่อคุณแม่มือใหม่กันบ้าง
ประวัติของบรรดาลูกๆผมคือ คนแรก ได้เข้าเรียนในโรงเรียนสาธิตประสานมิตร เวลาที่ลูกคนนี้เรียนอยู่ในชั้นประถมนั้น แกไม่ค่อยได้เรียนเท่าไร เอาแต่เล่นกีฬา อาทิ ฟุตบอล เทนนิส ปิงปอง ว่ายน้ำ และการที่แกชอบออกไปเล่นบอลหลังเลิกเรียน มันเลยเป็นการบังคับให้เขาต้องทำการบ้านให้เสร็จก่อนที่จะไปเล่น สิ่งนี้เลยเป็นการสอนให้เขามีความรับผิดชอบในการบ้านของตัวเอง ผมไม่เคยเห็นเขาเอาการบ้านกลับมาทำเลย เขาจะบอกว่าทำเสร็จที่โรงเรียนแล้ว การเรียนก็อย่างนั้นๆ ไม่โดดเด่นแต่ก็ผ่านทุกวิชา มาจนเขาขึ้นประถม 5 เขาบังเอิญเดินผ่านห้องประชุมที่มีผู้ปกครองและเด็กที่เรียนเก่งกำลังรับใบประกาศเกียรติคุณ ที่เรียนดี เขาเดินมาหาผมและตั้งคำถามว่าทำอย่างไรเขาจึงจะได้รับใบอย่างนั้นบ้าง ผมก็บอกไปว่า อ่านหนังสือมากๆซิ แล้วเราก็จะได้เอง จากวันนั้น ลูกคนนี้ก็ เริ่มหยิบหนังสือตำราต่างๆออกมาอ่านหลังเลิกเรียน เทอมต่อมาการเรียนก็กระเตื้องขึ้น จนสามารถไล่เพื่อนคนอื่นๆที่มีคะแนนดีกว่าได้ คำถามหนึ่งที่เขามักมาปรารภกับผมเสมอคืออ่านหนังสือแล้วไม่รู้เรื่อง ผมก็บอกว่าให้กลับไปอ่านอีก 5 เที่ยว รับรองว่าจะเข้าใจมากขึ้น เขาก็ทำตาม และมักจะอิดออดว่าเหนื่อยบ้าง หรือ อยากนอนบ้าง ผมก็จะบอกให้เขาไปวิ่งเล่นก่อน ให้รู้สึกกระชุ่มกระชวย แล้วกลับมาอ่านต่อ พอถึงเวลาที่จะต้องขึ้นมัธยม เขาต้องการที่จะย้ายมาสาธิตปทุมวัน ผมก็อนุญาตแต่ผมก็ได้ถามเหตุผลก่อน ลูกบอกผมว่าเขาต้องการที่จะมาพบเด็กที่เรียนเก่งกว่าเพื่อเป็นการพัฒนาตัวเอง เพราะตอนอยู่ประถม 6 เขาได้เรียนดีขึ้นมาอยู่ในระดับ 1-5 ของชั้น จากการที่เขาย้ายมาปทุมวัน ทำให้เขาเห็นว่าเด็กจากโรงเรียนอื่นมีความสามารถเหนือเขาเยอะมาก จนเขาต้องขออนุญาตไปเรียนพิเศษที่ สยามสแควร์ แต่เนื่องจากเขาเล่นกีฬาด้วยเลยทำให้เขาต้องเลิกเรียนพิเศษ เพราะว่าเหนื่อยเกินไปที่ร่างกายจะรับได้ จากการที่เขาไม่ได้เรียนพิเศษทำให้เขาต้องอ่านหนังสือมากขึ้นเพื่อเป็นการชดเชย พอถึงเวลาที่จะขึ้นม. 4 ผมไม่อนุญาตให้เขาไปต่อที่โรงเรียนเตรียมอุดม พอพวกเพื่อนๆที่เรียนดี ออกไปเข้าเตรียม เขาก็เลยได้เลื่อนตำแหน่งขึ้นมาเป็นที่ 2 ของชั้น

เมื่อเรียนจบม. 6 เขาก็ได้ไปสอบแข่งขันชิงทุนรัฐบาล และได้รับทุนไปเรียนจนจบปริญญาโท จากสังคมเด็กธรรมดา เขากลับมีเพื่อนๆที่เรียน รุ่นเดียวกันอยู่ในมหาวิทยาลัยชั้นนำของโลกอาทิ Harvard University, Massachusetts Institute of Technology, Stanford University, Cornell University, Carnegie Mellon University, Columbia University etc.





หลังจากที่ได้อารัมภบทมาซะยืดยาว วิธีที่จะทำให้ลูกเรียนดี เรียนเก่ง มีความรับผิดชอบ และโตขึ้นมาเป็น ทรัพยากรที่ทรงคุณค่าของชาติ คือการที่เราในฐานะพ่อแม่ จะต้องทำให้ลูกมีความสุขในการเรียน ต้องคอยให้คำปรึกษา อย่าให้ลูกต้องไปปรึกษาเพื่อนก่อนที่จะมาหาเรา อย่าไปให้ลูกจมอยู่กับการเรียนมากเกินไป โดยเฉพาะการเรียนพิเศษ การเรียนเยอะๆจะไม่ช่วยให้ลูกเราฉลาดขึ้น แต่จะทำให้เขาเป็นคนที่ทำข้อสอบได้เท่านั้น ความสามารถในการประมวลผลจะไม่มี ที่เขาทำได้เพราะว่าอาจารย์ เอาโจทย์มาให้ทำก่อน เป็นการเอาเปรียบเพื่อนๆคนอื่น ผมขอเรียนให้เพื่อนทราบเลยนะว่าการทำคะแนนได้ดีมิใช่เป็นการบอกให้รู้ว่าลูกจะเติบโตขึ้นมาและประสบความสำเร็จ แล้วไว้เล่าต่อนะ ตอนนี้ขอตัวไปทำธุระก่อนครับ

3 ความคิดเห็น:

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

เป็นการโพสที่น่าสนใจครับ ผมก็เป็นคนหนึ่งที่ไม่เห็นด้วยกับการเรียนพิเศษเท่าไหร่ ผมคิดว่าชีวิตในวัยเด็กและวัยรุ่นควรจะมีอะไรบ้าง สำหรับวันเสาร์ อาทิตย์ ไม่ใช่แค่ siam square แล้วก็นั่งดูวิดีโอของ ครูสอนพิเศษ

แต่ประเด็นหนึ่งที่คุณไก่ควรจะคิดถึงก็คือความแตกต่างกันระหว่าง ขยันกับฉลาดนะครับ คนที่ไม่ฉลาดแต่ขยัน เค้าคนนั้นก็สามารถทำสิ่งที่ประโยชน์ต่อตัวเองและต่อสังคมได้เยอะ ไม่แพ้กับคนฉลาด แต่ในทางกลับกันนี่สิ ถ้าคนฉลาดแต่วันๆไม่ทำอะไรเลย ดูทีวี ฟังเพลงไปวันๆ ผมว่าเด็กคนนั้นก็ไม่น่าจะประสบความสำเร็จเท่าไหร่

พ่อลูกอ่อน

ดังนั้นประเด็ดที่สำคัญอีกประเด็นหนึ่งก็คือ เลี้ยงลูกอย่างไรให้เค้ารู้จักมีความรับผิดชอบและสามารถคิดถึงอนาคตของเค้าได้ อยากจะรู้คุณไก่มีความเห็นในเรื่องนี้อย่างไร

คุณไก่ กล่าวว่า...

ถูกต้องที่สุดกับข้อคิดเห็นที่ท่านได้กล่าวมา สิ่งแรกในการเลี้ยงดูและอบรมลูกให้โตขึ้นมาอย่างมีคุณภาพคือ การสอนให้ลูกเรามีความรับผิดชอบ คงมีพ่อแม่หลายๆท่านไม่ทราบว่าจะเริ่มอย่างไร ผมขออนุญาตแนะนำดังนี้ เริ่มต้นเราต้องมอบหมายให้ลูกมีหน้าที่ทำงานอย่างหนึ่งในบ้าน เช่นให้เป็นคนคอยเก็บกระดาษที่ไม่ใช้แล้วมาใส่ในกล่องสำหรับ รีไซเคิ้ล เมื่อลูกทำแล้วให้ท่านกล่าวชมเชยอย่างจริงใจ จากนั้นให้ค่อยๆเพิ่มงานให้ลูกรับผืดชอบ แต่นั่นหมายความว่าลูกต้องทำงานจากโรงเรียนให้เรียบร้อยก่อน

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ขอบคุณค่ะ สำหรับบทความดี ๆ